22 ก.ค. 2557

Italy Trip Day 3: When in Rome (2)

Day 3 - 2 พ.ค. 2557


Sightseeing
 Galleria Borghese
Colosseum
Arch of Constantine
Roman Forum
Campidoglio

     เช้านี้ต้องรีบออกเดินทางเพราะจองคิวเข้า Galleria Borghese ไว้รอบแรกตอน 9 โมงเช้า การไป Galleria Borghese ให้นั่ง Metro Line A (สายสีแดง) จาก Roma Termini มาลงที่สถานี Barberini จากนั้นให้เดินออกทางฝั่ง Via Vittorio Veneto ซึ่งป้ายรถเมล์จะอยู่แถวๆ ทางขึ้นของ metro เลย ซึ่งเราสองคนก็รอรถเมล์สาย 116 ไม่นานนัก (แนะนำให้ดาวน์โหลด Probus Rome เป็น app ที่แสดงสายรถเมล์ต่างๆ และตารางการเดินรถในโรม) สาย 116 จะเป็น electric bus คันเล็กๆ ซึ่งรถจะวิ่งไปจอดใน park หน้า Borghese เลย สะดวกสบายสุดๆ
สาย 116 / ด้านหน้า Galleria Borghese
     ก่อนเติมอารมณ์ศิลป์ เราสองคนเติมอาหารให้กับกระเพาะกันก่อน ในแกลอรี่มีคาเฟ่ที่ให้บริการทั้งของคาวและเครื่องดื่ม ซึ่งรสชาติก็เหมือนเดิมคือ อิตาลีแท้ทั้งกาแฟและแซนด์วิช (ที่สำคัญอย่าลืมเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยด้วยล่ะ)
Panini ชิ้นใหญ่สะใจ แบ่งกันกิน
      เราใช้เวลาเดินอยู่ในแกลอรี่เป็นชั่วโมง ซึ่งภายในห้ามถ่ายรูป และประติมากรรมที่เราอยากมาเห็นกับตา เรียกว่า Must see! เลย นั่นคือ The Rape of Proserpina ผลงานของ Gian Lorenzo Bernini ซึ่งพอได้เห็นของจริงแล้วถึงกับอึ้งในความเป็นอัจฉริยะของคนๆนี้ เพราะแกะสลักหินออกมาได้เหมือนกับเนื้อคนจริงๆ O_O และภายในแกลอรี่ก็มีทั้งภาพวาดและประติมากรรมอีกหลายอย่างที่จะทำให้อึ้งกัน แบบ continuous เลยทีเดียว เคยอ่านเจอกระทู้นึงเขียนไว้ว่า หากใครมาถึงโรมแล้วไม่ได้แวะมาชมศิลปะที่นี่ เหมือนกับว่ามาไม่ถึงอิตาลีเลยทีเดียว ซึ่งเราเห็นด้วยจริงๆ 
     หลังจากเดินเล่นกันใน park อีกสักพัก เราสองคนก็นั่งรถเมล์สาย 116 กลับมายังสถานี Barberini เพื่อไป Colosseum กันต่อ โดยเราจะต้องเปลี่ยนสถานีกันที่ Roma Termini เพราะต้องนั่ง Metro Line B (สายสีน้ำเงิน) ไปขึ้นสถานี Colosseo แต่ก่อนออกเดินทางได้เวลามื้อกลางวันกันแล้ว สำหรับมื้อนี้ เล็งไว้แต่แรกว่าจะมาลอง เป็นร้านเบอร์เกอร์แถว Roma Termini แต่เราสั่งสลัดเพราะร่างกายต้องการไฟเบอร์ ซึ่งความสดของผักมันยิ่งทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นไปอีก ค่าเสียหายมื้อนี้ €6.30
ปริมาณ 2 คนกิน
     ท้องอิ่มก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่สถานี Colosseo พอขึ้นจากสถานีปุ๊บเราก็จะเห็น Colosseum ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า (แอบเซ็งเล็กน้อย เพราะช่วงที่ไปนั้นตลอดทั้งทริป อิตาลีทำการซ่อมแซมสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่ง ทำให้ได้ภาพไม่สวยสมใจเราเอาซะเลย) การเข้าชม Colosseum หากมี Roma Pass จะสามารถเข้าช่อง fast lane ได้เลย เราสองคนใช้บัตรเบ่งทันที ซึ่งแถวแบบปกตินั้นยาวเหยียด แถมคนที่มารอซื้อตั๋วที่ด้านหน้าทางเข้าก็เยอะมากๆ เราสองคนยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่แล้วก็เดินผ่านฝูงชนมาแบบภาคภูมิใจ >[]< 
ภายใน และภายนอกของ Colosseum
      เราสองคนเดินเล่น ถ่ายรูปกันเยอะมากท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ใน Colosseum เพราะรู้สึกประทับใจในความเก่งกาจของคนสมัยก่อน โดยเฉพาะ คุณเพื่อนสนิท ที่ดูจะปลาบปลื้มกับเจ้า Colosseum มากๆ เพราะมันคือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (ด้านสถาปัตยกรรม) และการมาที่นี่คือ 1st Mission สำหรับทริปนี้ของ คุณเพื่อนสนิท เพราะเค้าตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้จะต้องไปเยือนให้ครบทั้ง 7 สิ่งมหัศจรรย์รอบโลก o_o  และใกล้ๆ Colosseum ก็จะมี Arch of Constantine เป็นซุ้มประตู ถัดมาอีกก็เป็นซากปรักหักพังของ Roman Forum แล้วเราสองคนก็เดินเล่นเก็บบรรยากาศกันที่ Campidoglio ซึ่ง 3 ที่หลังนี้เราสองคนเก็บภาพด้วยตาเท่านั้น เพราะไม่ได้รู้สึกว่าสวยโดดเด่นอะไร แค่เดินเล่นชิลๆ ก็พอแล้ว
     โพสต์นี้อาจจะเขียนสั้น แต่จริงๆ วันนั้นใช้เวลาไปครึ่งวันกับ Borghese gallery และอีกครึ่งวันใน Colosseum แค่สองที่ก็ทำเอาขาลากได้ไม่น่าเชื่อ แถมมีสายฝนโปรยปรายเป็นระยะ เดินไปลุ้นไปว่าจะเปียกมั้ยหนอ
     เริ่มหิวกันแล้ว มื้อเย็นนี้เราสองคนตัดสินใจลองกินอาหารจีนที่อยู่แถวสถานี Roma Termini เพราะ คุณเพื่อนสนิท ออกอาการเบื่ออาหารอิตาเลี่ยนซะแล้ว ร้านนี้ชื่อว่า Hong Kong F&B - Food & Beverage ซึ่งตอนแรกไม่กล้าเข้า เพราะมันดูมาเฟียยังไงไม่รุ แต่ด้วยเพราะทนความเลี่ยนของอาหารท้องถิ่นไม่ไหวจึงตัดสินใจลองดู ผลปรากฎว่าอร่อยเกินคาด มันช่างเป็นมื้อสุดท้ายในโรมที่สุขสุดๆ จริงๆ *O*
ผัดหมี่ / น้ำจิ้มแก้เลี่ยน / เกี๊ยวน้ำ / เป็ดทอดหนังกรอบ อร่อยมาก!
     จบวันกันไปอย่างอิ่มหนำสำราญใจ พรุ่งนี้เช้าออกเดินทางสู่ Florence เราสองคนจองรอบรถไฟไว้ตอน 9.50 น. จึงไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้ามากนัก


---- โพสต์หน้าจะพาไปดื่มด่ำบรรยากาศเมืองที่ทุกคนว่ากันว่าโรแมนติก Florence ----

3 ก.ค. 2557

Italy Trip Day 2: When in Rome (1)

Day 2 - 1 พ.ค. 2557


Sightseeing
Spanish Steps
Trevi Fountain
Pantheon
Piazza Navona
Trastevere
National Monument to Victor Emmanuel II

     เช้านี้ตื่นมาด้วยความสดใส เพราะนอนกันตั้งแต่หัวค่ำ และยังไม่พบเจออาการปวดเมื่อยขา เติมพลังด้วยอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งจะเป็นพวกขนมปัง กาแฟ เค้ก โยเกิร์ตทั่วไป พออิ่มท้องก็เตรียมตัวออกเดินทาง พร้อมตามหา เจลาโต้อร่อยๆ กินกัน
     สถานที่แรกที่จะไปคือบันไดสเปน โดยนั่ง metro ไปลงสถานี Spagna จากสถานีเดินตามฝูงชนไปไม่ไกลประมาณ 200 ม. ก็ถึงจุดหมายแรกของเรา ด้วยความที่คนเยอะมาก ทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปออกมาให้สวยสมใจได้สักใบ T_T
แดดแรง / คนเยอะ
     ถ่ายรูปเล่นเก็บบรรยากาศกันสักพัก เราสองคนเดินจากบันไดสเปนไม่ไกลประมาณ 800 ม. ก็ถึงน้ำพุเทรวี ซึ่งประติมากรรม ความอลังการ มันทำให้เรา stunning ไปชั่วขณะ เราเห็นด้วยกับคำที่ว่า ภาพถ่ายคือการบันทึกความทรงจำ แต่ต่อให้ดูภาพถ่ายที่ว่าสวยแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้ดีเท่ากับการเห็นด้วยตาเปล่า

ป้ายบอกทาง / น้ำพุใสแจ๋ว
     และสิ่งที่ต้องทำเมื่อมาถึงน้ำพุเทรวีนั่นคือ หันหลังโยนเหรียญ เป็นความเชื่อที่ว่าโยนเหรียญแล้วจะได้กลับมาเยือนโรมอีก เราสองคนไม่รอช้าขอเกาะกระแสนิดนึง แต่!! ลืมไปว่ายังไม่ได้แตกแบงค์แล้วจะเอาเหรียญจากไหนล่ะ?? โชคดีพกเงินไทยไปด้วยควานหาจนเจอเหรียญบาท 1 เหรียญ! เลยยกหน้าที่ให้เพื่อนสนิทโยนแล้วก็แตะมือเอา คล้ายว่าทำบุญ ^^+
     ดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ของน้ำพุกันพอแล้วก็ถึงเวลาตามหาเจลาโต้อร่อยๆ ที่ร้าน San Crispino กินกัน ซึ่งร้านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากน้ำพุเทรวี (แผนที่คลิกที่ชื่อร้านได้เลย) เพียงหันหน้าเข้าน้ำพุ แล้วเดินไปทางขวามือ ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกถนนชื่อ Via della Panetteria  ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามา ร้านจะอยู่ทางขวามือ ซึ่งเราสองคนเดินหลง! ทั้งๆ ที่มันอยู่ไม่ไกล แต่หาไม่เจอเพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับสินค้าและงานศิลป์ข้างทาง ทำให้ต้องเดินอ้อมเป็นวงกลม
     * ข้อแนะนำ: อย่าเชื่อใจ app Google map มากเกินไป ควรทำการบ้านโดยการดูแผนที่แบบปกติไปด้วย
ร้านยอดนิยม / ถ้วยเล็กๆ ราคา €3.50
     หลังของหวานเราก็ต่อกันด้วยอาหารกลางวันกัน ตั้งใจจะไปกินที่ร้าน Enoteca Corsi แต่พอไปถึงร้านดันปิด หรือเราสองคนหาร้านไม่เจอกันแน่ก็ไม่รู้ O_O! เลยต้องหิ้วท้องไปหาอะไรกินกันแถว Pantheon แถวนั้นก็มีหลายร้านให้เลือกสรร แต่ด้วยความที่อยากเข้าห้องน้ำแล้ว จึงตัดสินใจเดินเข้าร้านที่อยู่ข้างๆ Pantheon เลย เราสองคนสั่งแค่ pizza มากินกัน เพราะเพิ่งอิ่มจากเจลาโต้ ซึ่งพิชซ่าก็อร่อยสมคำร่ำลือว่าประเทศนี้คือต้นกำเนิดของพิชซ่า
Pizza หน้าตาจืดๆ แต่รสชาตอร่อยเกินหน้าตา
      หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว กะว่าจะเข้าไปถ่าย Octopus กันในแพนธีออนสักหน่อย แต่วันที่ไปมันปิด! เพราะวันที่ 1 พ.ค.มันคือ Labor day คนอิตาลีเค้าก็หยุดกัน เศร้ามากๆ เลยได้แต่เก็บบรรยากาศรอบๆ แทน
น้ำพุหน้า Pantheon / นักรบยืนรอถ่ายรูป
     ถ่ายรูปเล่นสักแป๊บก็เดินต่อไปยัง Piazza Navona ช่วงที่ไปอากาศเย็นสบายทำให้เวลาเดินไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไร จริงๆ การเดินเที่ยวที่อิตาลีไม่ยากอย่างที่คิด เพราะนักท่องเที่ยวเยอะ ส่วนใหญ่ก็มุ่งหน้าไปจุดหมายเดียวกัน แค่เราเดินตามฝูงชนไปก็ถึงที่หมาย ซึ่งจัตุรัสนี้มีประติมากรรมของศิลปินในดวงใจเรานั่นคือ Bernini
ประติมากรรมแบบบาโรก
     นั่งพักเหนื่อยกันสักพัก มุ่งหน้าสู่โบสถ์ซานตามาเรียในทรัสเตเวเร ตามที่หาข้อมูลมาเค้าให้นั่งรถรางสาย 8 เราสองคนก็เดินไปขึ้นรถกันที่สถานี Argentina แต่ก็ไม่รู้ว่ามันต้องขึ้นตรงไหน? เดินวนไปวนมาแถวๆ นั้นเป็น 10 นาที จนเริ่มหงุดหงิดทั้งคู่ =_=^ สุดท้ายก็ต้องถามคนแถวนั้นเอาว่าต้องไปขึ้นตรงไหน... โชคดีที่แถวป้ายรถรางจะเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งตรงนั้นจะมีน้ำพุให้เราเติมน้ำดื่มได้ แรกๆ ก็ไม่กล้ากรอกน้ำเอามาดื่ม เพราะรู้สึกว่าเฮ้ยยย มันจะดื่มได้รึ? แต่พอเห็นราคาน้ำเปล่าขวดละ €1 แล้วก็ต้องจำยอม ซึ่งพอลองดื่มดูแล้วมันเย็นสดชื่นมากกว่าที่คิดแหะ
     เราสองคนยืนรอรถกันนานพอควร ตอนแรกตัดสินใจว่าเดินกันมั้ยเพราะดูจากแผนที่แล้วมันน่าจะเดินได้ แต่ก็แอบกลัวว่าถ้ามันไกลล่ะ? เพราะเดินกันมาค่อนวันแล้ว อาการอ่อนล้าเริ่มมาเยือน แต่พอรถมาถึงก็ตะลึง เพราะคนที่ป้ายก็เยอะ คนบนรถก็เยอะ แถมรถยังคันเล็กอีก o_o ก็ต้องเบียดเสียดกันไป
คนแน่นเอี๊ยด / น้ำพุสำหรับดื่ม
     นั่งรถมาประมาณ 2 ป้าย จุดสังเกตง่ายๆ คือพอรถรางวิ่งผ่านสะพานข้ามแม่น้ำไทเบอร์มา นับไปอีก 2 ป้าย ก็ให้ลง แล้วเดินตามแผนที่ไปไม่ไกลนัก สองข้างทางก่อนถึงโบสถ์มีร้านนั่งชิวเต็มไปหมด
Santa Maria in Trastevere
     ชื่นชมบรรยากาศในโบสถ์กันพอหายเหนื่อย ขากลับเราเลือกที่จะเดินแทนการขึ้นรถราง เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ไกลเลย สามารถเดินได้ คราวนี้เราเดินตาม Google map ไปยัง National Monument to Victor Emmanuel II จุดหมายปลายทางสุดท้ายของวันนี้ (ขาเริ่มลาก _ _") ตอนแรกตั้งใจจะซื้อตั๋ว Rome from the Sky ขึ้นไปดูวิวกรุงโรมบนชั้นสูงสุด แต่เห็นคิวยาวเลยถอนตัว ซึ่งจริงๆ ชั้นที่เค้าเปิดให้ขึ้นไปโดยไม่ต้องเสียเงินก็เห็นวิวสวยทั่วกรุงโรม
วิวจากชั้นบน / แถวยาวรอขึ้นชมวิว
     เริ่มหิวและหมดแรง เพราะเดินกันเยอะมากๆ ณ เวลาตอนนั้นก็ 6 โมงกว่าได้ แต่ฟ้ายังใสแจ๋ว เราสองคนนั่งรถไฟใต้ตินกลับจากสถานี Coloseo มายัง Roma Termini แล้วก็หาร้านข้าวแถวๆ สถานีกินกัน ซึ่งมื้อเย็นของวันนี้คือร้านอาหารอินเดีย ขอบอกว่าอาหารอร่อยมากๆ จานใหญ่แบ่งกินกันได้สองคน มื้อนี้จ่ายค่าอาหารไป €8 เดินกลับที่พักกันแบบอิ่มสบายท้อง จบวันกันไปแบบเมื่อยล้าพอตัว -_-
เมนูอาหาร / หน้าตาไม่สวย แต่อร่อย!


---- โพสต์หน้าจะพาไปเสพศิลป์กันที่ Galleria Borghese และพาชม Colosseum ----